1. มาตรฐาน SNELL 2000
เป็นมาตรฐานที่ใช้กันมากในหลายประเทศ ซึ่งได้รับการยอมรับเพราะมีการปรับปรุงมาตรฐานอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้สอดคล้องกับอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน โดยมีทั้งการทดสอบความแข็งแรงของหมวกในลักษณะต่าง ๆ รวมถึงความสะดวกสบายในการสวมใส่ และไม่บดบังทัศนวิสัยอีกด้วย
2. มาตรฐาน DOT (FMVSS 218)
กำหนดขึ้นโดยสำนักงานขนส่งของประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่นิยมเช่นเดียวกับ SNELL แต่มีเกณฑ์ที่แตกต่างออกไป โดยนอกจากจะทดสอบมาตรฐานที่ตัวหมวกกันน็อกแล้ว DOT ยังดูไปถึงคุณภาพโรงงานและความสามารถในการผลิตด้วยว่าเพียงพอต่อความต้องการของตลาดหรือไม่ เพื่อที่ทุกคนจะได้มีหมวกกันน็อกใช้กันได้อย่างทั่วถึง
3. มาตรฐาน E 2205
มาตรฐานนี้เป็นที่นิยมมากในทวีปยุโรป โดยมีวิธีการทดสอบที่แตกต่างจากของ SNELL และ DOT โดยใช้วิธีทดสอบแรงกระแทกแบบ 3 แกนซึ่งจะมีความรุนแรงกว่ามาตรฐานอื่น ๆ ซึ่งการทดสอบนี้จะใช้กับหมวกกันน็อกที่ใช้ในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในยุโรป จึงทำให้มาตรฐาน E 2205 เป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจนั่นเอง
4. มาตรฐาน JIS T 8133:2000
เป็นมาตรฐานการทดสอบที่คิดค้นและบังคับใช้ในประเทศญี่ปุ่น โดยนำเอาจุดเด่นของมาตรฐาน DOT และ E 2205 มารวมกัน ซึ่งการทดสอบจะแบ่งออกตามประเภทของหมวก เช่น หากเป็นหมวกแบบเต็มใบก็จะทดสอบด้วยแรงกด 2 ครั้ง หรือหากเป็นแบบครึ่งใบก็จะใช้แรงเพียงครั้งเดียว เป็นต้น
5. มาตรฐาน มอก. TIS 369-2539
แค่ชื่อก็พอจะทำให้ทราบแล้วว่าเป็นมาตรฐานของประเทศไทยเรานั่นเอง ซึ่งมาตรฐานนี้เป็นมาตรฐานที่บังคับให้ผู้ผลิตและผู้นำเข้าหมวกกันน็อกจำหน่ายใช้งานประเทศไทยต้องยึดถือ โดยปัจจุบันได้ใช้ร่วมกับมาตรฐานนานาชาติ UNECE R22 เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามมาตรฐานโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น